วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

รูปแบบโครงสร้างของเครือข่าย (Network Topology)
          การจัดระบบการทำงานของเครือข่าย  มีรูปแบบโครงสร้างของเครือข่าย   อันเป็นการจัดวางคอมพิวเตอร์และการเดินสายสัญญาณคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายรวมถึงหลักการไหลเวียนข้อมูลในเครือข่ายด้วย   โดยแบ่งโครงสร้างเครือข่ายหลักได้ 4 แบบ คือ
   - เครือข่ายแบบดาว
   - เครือข่ายแบบวงแหวน
   - เครือข่ายแบบบัส
   - เครือข่ายแบบต้นไม้

1. แบบดาว เป็นแบบการต่อสายเชื่อมโยงโดยการนำสถานีต่างๆ มาต่อรวมกันกับหน่วยสลับสายกลาง   การติดต่อสื่อสารระหว่างสถานีจะกระทำได้ด้วยการติดต่อผ่านทางวงจรของหน่วยสลับสายกลาง   การทำงานของหน่วยสลับสายกลางจึงคล้ายกับศูนย์กลางของการตอดต่อวงจรเชื่อมโยงระหว่างสถานีต่างๆที่ต้องการติดต่อกัน
2. แบบวงแหวน เป็นแบบที่สถานีของเครือข่ายทุกสถานีจะต้องเขื่อมต่อกับเครื่องขยายสัญญาณของตัวเองโดยจะมีการเชื่อมโยงของสัญญาณของทุกสถานีเข้าด้วยกันเป็นวงแหวน    เครื่องขยายสัญญาณเหล่านี้จะมีหน้าที่ในการรับข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของตัวเองหรือจากเครื่องขยายสัญญาณตัวก่อนหน้าและส่งข้อมูลต่อไปยังเครื่องขยายสัญญาณตัวถัดไปเรื่อยๆเป็นวงหากข้อมูลที่ส่งเป็นของสถานีใด  เครื่องขยายสัญญาณของสถานีนั้นก็รับและส่งให้กับสถานีนั้น   เครื่องขยายสัญญาณจึงต้องมีการตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับว่าเป็นของตนเองหรือไม่ด้วย  ถ้าใช่ก็รับไว้ ถ้าไม่ใช่ก็ส่งต่อไป
3. เครือข่ายแบบบัส (Bus Network) เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยสายเคเบิ้ลยาว ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยจะมีอุปกรณ?ที่เป็นตัวเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เข้ากับสายเคเบิ้ล  ในการส่งข้อมูล   จะมีคอมพิวเตอร์เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งข้อมูลได้ในช่วงเวลาหนึ่งๆ การจัดส่งข้อมูลวิธีนี้จะต้องกำหนดวิธีการ   ที่จะไม่ให้ทุกสถานีส่งข้อมูลพร้อมกันเพราะจะทำให้ข้อมูลชนกัน  วิธีการที่ใช้อาจแบ่งเวลาหรือให้แต่ละสถานีใช้ความถี่   สัญญาณที่แตกต่างกัน  ในการติดตั้งเครือข่ายแบบบัสนี้  คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์แต่ละชนิด   ถูกเชื่อมต่อด้วยสายเคเบิ้ลเพียงเส้นเดียว  ซึ่งจะใช้ในเครือข่ายขนาดเล็ก   ในองค์กรที่มีคอมพิวเตอร์ใช่ไม่มากนัก
4. แบบต้นไม้ (Tree Network) เป็นเครือข่ายที่มีการผสมผสานโครงสร้างเครือข่ายแบบต่างๆเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่  การจัดส่งข้อมูลสามารถส่งไปได้ทุกสถานี  การสื่อสารข้อมูลจะผ่านตัวกลางไปยังสถานีอื่นๆได้ทั้งหมด   เพราะทุกสถานีจะอยู่บนทางเชื่อม  รับส่งข้อมูลเดียวกัน


   การประยุกต์ใช้งานของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
-ระบบเครือข่ายทำให้เกิดการสื่อสาร  และการแบ่งปันการใช้ทรัพยากรระหว่างเครื่อง
  รูปแบบการใช้งานของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
         ระบบเครือข่ายแบ่งตามลักษณะการทำงาน ได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. ระบบเครือข่ายแบบรวมศูนย์กลาง(Centrallized  Network)
2. ระบบเครือข่ายแบบ Peer-to Peer
3. ระบบเครือข่ายแบบ Client/ Server
     
        1. ระบบเครือข่ายแบบรวมศูนย์กลาง
                เป็นระบบที่มีเครื่องหลักเพียงเครื่องเดียวที่ใช้ในการประมวนผล   ตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางและมีการเชื่อมต่อไปยังเครื่องเทอร์มินอลที่อยู่รอบๆ ใช้การเดินสายเคเบิ้ลเชื่อมต่อกันโดยตรง   เพื่อให้เครื่องเทอร์มินอลสามารถเข้าใช้งาน    โดยส่งคำสั่งต่างๆมาประมวนผลที่เครื่องกลางซึ่งมักเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมประสิทธืภาพสูง
        2. ระบบเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer
                 แต่ละสถานีงานบนระบบเครือข่าย Peer-to-Peer จะมีความเท่าเทียมกันสามารถที่จะแบ่งปันทรัพยากรให้แก่กันและกันได้  เช่น การใช้เครื่องพิทพ์หรือแฟ้มข้อมูลร่วมกันในเครือข่าย   เครื่องแต่ละสถานีงานมีขีดความสามารถในการทำงานได้ด้วยตัวเอง  (Stand Alone) คือจะต้องมีทรัพยากรภายในของตัวเองเช่น ดิสก์สำหรับเก็บข้อมูล   หน่วยความจำเพียงพอ  และมีความสามารถในการประมวนผลข้อมูลได้
        3.ระบบเครือข่ายแบบ Client/ Server
                 ระบบเครือข่ายแบบ Client/ Server สามารถสนับสนุนให้มีเครื่องลูกข่ายได้เป็นจำนวนมาก   และสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้หลายสถานี   ทำงานโดยมีเครื่อง Server ที่ให้บริการเป็นศูนย์กลางอย่างน้อย 1 เครื่อง และมีการบริการจัดการทรัพยากรต่างๆจากส่วนกลาง   ซึ่งคล้ายกับระบบเครือข่ายแบบรวมศูนย์กลาง   แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ  เครื่องที่ทำหน้าที่ให้บริการในระบบ Client/ Server ราคาไม่แพงมาก ซึ่งอาจใช้เพียงเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงในการควบคุมการให้บริการทรัพยากรต่างๆ
                  นอกจากนี้เครื่องลูกข่ายยังจะต้องมีความสามารถในการประมวนผล   และมีพื้นที่สำหรับจัดเก็บข้อมูลท้องถิ่นเป็นของตนเอง
                  ระบบเครือข่ายแบบ Client/ Server เป็นระบบที่มีความยืดหยุ่นสูง  สนับสนุนการทำงานแบบ Multiprocessor  สามารถเพิ่มขยายของจำนวนผู้ใช้ได้ตามต้องการ   นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มจำนวนเครื่อง Server สำหรับให้บริการต่างๆเพื่อช่วยกระจายภาระของระบบได้   ส่วนข้อเสียของระบบนี้ก็คือ  มีความยุ่งยากในการติดตั้งมากกว่าระบบ Peer-to-Peer  รวมทั้งต้องการบุคลากรเพื่อการบริหารจัดการระบบโดยเฉพาะอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น